ภีม ธนบดี ใจเย็น หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-เวียดนาม วัย 20 ปี ที่เคยเป็นอดีตสมาชิกวงดูโอ้ PMP สังกัด G.iD ร่วมกับ มาร์คภูมิ ณฐพนธ์ บัวสาลี เจ้าของซิงเกิ้ลเพลง ชักช้า ที่หนุ่มภีมโชว์ความสามารถในการร้องเต้นและแต่งท่อนแร็ปด้วยตัวเอง จากบทบาทดังกล่าว…เราได้เห็นความบ้าพลังและความสามารถในหลาย ๆ ด้านของหนุ่มคนนี้ และต่อมาเขาก็มีโอกาสทำซิงเกิ้ลเพลง วัดใจ ที่นำเอาบทเพลงของวงซิลลี่ ฟูลส์มาคัฟเวอร์ใหม่ พร้อมกับแต่งท่อนแร็ปเองร่วมกับเพื่อน ๆ ศิลปินสังกัด MBO Teen Entertainment อีก 11 คน ประกอบรายการ MBO The Idol Game
ด้วยความสามารถที่หลากหลาย หนุ่มภีมยังมีโอกาสฉายแววในฐานะนักแสดง โดยมีผลงานซีรีส์มากมาย อาทิ STAY ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ, ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด, ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3, Halfworlds ซีซั่น 2 และ The Underwear
และล่าสุดเจ้าตัวก็ขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัวกับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก สยามสแควร์ ของสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นการรวมบรรดานักแสดงวัยรุ่นที่น่าจับตามองถึง 10 คน มาเชือดเฉือนบทบาททางการแสดงร่วมกัน โดยมีโปรแกรมเข้าฉายในวันที่ 30 มีนาคมนี้
Q : อยากให้ช่วยแนะนำคาแรคเตอร์ที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่อง สยามสแควร์
A : ในเรื่องผมรับบทเป็น เติร์ก เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาที่หนึ่งในสยามครับ เติร์กเป็นนักเรียนที่มีนิสัยห่าม ๆ ห้าว ๆ แล้วก็เป็นคนที่ว่าพูดจาห้วน ๆ ครับผม มันจะมีคนที่มองเติร์กสองแบบมองว่าเป็นเด็กไม่เอาไหน เป็นเด็กเกเร ไม่ค่อยเรียนไม่ค่อยตั้งใจเรียน อีกมุมหนึ่งแบดบอย เท่ มีรถขับ ดูแลชีวิตตัวเองได้ แต่นั่นคือภายนอก จริง ๆ แล้วเติร์กเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ เติร์กเป็นคนที่มีความแบดในภายนอกแต่จริง ๆ แล้วจิตใจดีครับ เหมือนพยายามสร้างตัวตนอีกตัวตนหนึ่งมาเหมือนเป็นกำบัง ซึ่งเขาเป็นคนที่อ่อนโยนคนคนดีคนหนึ่งเลย เขาอาจจะไม่รู้วิธีการเข้าหาคนวิธีของเขาก็เลยห่ามไปหน่อย ในสยามสแควร์เติร์กจะมีกลุ่มเพื่อนคือ หมูหวาน (ปุริม รัตนเรืองวัฒนา), ม่อน (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์), นิวตัน (อติคุณ อดุลโภคาธร) ซึ่ง 3 คนนี้ก็จะชอบทำอะไรท้าทาย แผลง ๆ พิสูจน์โน่นนี่ โดยการออกไปตระเวนถ่ายคลิปอัพลงเพจ ลงยูทูป ชื่อว่า Ghost your Dad (โกสต์ ยัวร์แดด)โดยมี หมูหวานเป็นตากล้อง มีม่อนเป็นเหมือนพิธีกรเกรียน ๆ ภาคสนาม และนิวตันที่เป็นเหมือนหัวสมองของกลุ่ม โดยมิชชั่นล่าสุดก็คือการไปถ่ายคลิปเรื่องราวลึกลับในสยามที่ว่ากันว่าสยามมีผีมั้ย ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เติร์กจะดูเหมือนเป็นที่เกลียดขี้หน้าของเมย์ ซึ่งรับบทโดยอุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ คือก็ไม่รู้ว่าเติร์กไปทำอะไรให้เมย์ไม่พอใจ เหมือนในประโยคที่พูดในตัวอย่างว่า ไม่รู้ว่าเราไปเหยียบตีนเธอตอนไหน อาจจะเป็นเพราะการพูดจาห้วน ๆ ของเติร์ก
Q : “สยามสแควร์” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
A : สยามสแควร์นะครับ ก็เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 10 คนที่เจอกันในโรงเรียนกวดวิชาที่สยามสแควร์ จนวันหนึงไปเจอกับเหตุการณ์ไฟดับทั้งสยาม ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้กระทั่งมิตรภาพของเพื่อนกลุ่มนี้ เราจะพูดถึงสยามสแควร์ในมุมมองที่ต่างไปจากที่ทุกคนคิด แต่เป็นสยามสแควร์ในมุมมองที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จะเป็นมุมมองด้านไหนต้องไปดูกัน แต่ผมบอกเลยนะครับ มันจะเป็นมุมมองที่คุณไม่เคยเห็น ไม่ได้ยินมาก่อน หรือว่าเป็นเรื่องที่คุณอาจจะได้ยินมานานแล้ว แต่ว่าเรากำลังจะเอากลับมาให้คุณได้เพลิดเพลิน สนุก บันเทิงกันในโรงภาพยนตร์ครับ
Q : เมื่อพูดถึง “สยามสแควร์” นึกถึงอะไร โดยส่วนตัวมีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับ “สยามสแควร์” บ้าง
A : พูดถึงสยามสแควร์แล้วผมนึกถึงที่สำหรับรวมตัวกันของวัยรุ่นไทยครับ วัยรุ่นไทยที่มาทำกิจกรรม มาทานอาหาร มาแฮ้งค์เอาท์ มาเรียนพิเศษด้วยกัน เพราะว่ามีของที่อินเทรนด์ตลอดเวลา มีของที่อัพเดตตาทแฟชั่นตลอดเวลา ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปกี่ปี ๆ สยามสแควร์ก็ยังอัพเดตให้ทันวัยรุ่นยุคปัจจุบันให้ได้ แล้วผมรู้สึกว่า สยามสแควร์กับวัยรุ่นกทม.เป็นของคู่กัน เป็นที่ที่สร้างความทรงจำดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่อยู่ในกรุงเทพหลาย ๆ คนครับผม ผมขอเรียกสยามสแควร์ว่าเป็นที่ที่แห่งความสุขดีกว่าครับสำหรับตัวผมเองจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้โตในกรุงเทพ แล้วก็ไม่ได้เกิดที่นี่นะครับแต่ว่าก็ตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่ย้ายมากรุงเทพก็ได้มาเดินสยามครับผม ก็มีความทรงจำดี ๆ เยอะ มีความทรงจำดี ๆ ไม่ว่าจะในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายหนัง หรือว่าเป็นความทรงจำที่ได้มาทานข้าว ได้มาแฮ้งค์เอาท์กับเพื่อนนะครับผมถามว่าไปบ่อยมั้ย ก็มีไปบ้างครับ แต่ว่าไม่ได้ไปบ่อยมากขนาดนั้นก็จะมีช่วงไปติวเข้ามหาลัยครับ ก็มีไปที่สยามบ้างครับ
Q : อยากให้เล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการทำงานในภาพยนตร์
A : ก็สนุกมาก ๆ ครับมีเรื่องเล่าเยอะมาก ๆ เรื่องเล่าที่เล่าไม่ได้หน้ากล้อง (หัวเราะ) และหลังกล้อง การถ่ายทำก็สนุกครับ เป็นการทำงานที่เหมือนกับไม่ได้มาทำงานครับ เหมือนรู้สึกว่าเรามาทำสิ่งที่เรารัก เราชอบแล้วก็เอนจอยมาก ๆ ถึงแม้ว่ามันจะดึกดื่นเที่ยงคืนจนถึงตอนเช้าหรือว่าอะไรก็ตามนะครับบรรยากาศการถ่ายทำต้องบอกว่าสนุกมาก ๆ แล้วจริง ๆ คือตัวผมไปออกกองทำงาน ผมก็จะพกเหมือนเตียงพกพาตลอดเวลา เป็นเตียงพับ แล้วผมก็จะชอบเอาไปตั้งไว้ในห้องแต่งตัวแล้วผมก็หลับ แต่ว่าสุดท้ายพอผมเอามากองแล้ว ผมก็ไม่เคยได้ใช้ฮะ คือเวลาเดินกลับหลังจากเข้าฉากปุ๊บ อุ้มนอนบ้าง เดินกลับมาปุ๊บ พี่เบสท์นอนบ้าง แล้วแบบว่าแย่งเตียงกัน ทุกคนนอนบนเตียงผมหมดเลย แล้วก็ยิ่งอุ้ม เป็นที่รู้กันในกองพอเวลาอุ้มหลับแบบปลุกยังไงอุ้มก็ไม่ตื่น อุ้มเป็นคนที่ปลุกยากแล้วหลับลึกมาก ยกเว้นเสียเวลาที่เขาบอกว่าพักเที่ยงแล้วอะไรอย่างนี้ อุ้มจะตื่นเร็วมาก ต้องเป็นของกินอย่างนี้ ก็จะมีเรื่องราวแบบโก๊ะ ๆ ฮา ๆ เปิ่น ๆ เยอะครับ ก็มีแบบว่าเล่นซื้อของกินมาแล้วก็แซวกัน ก็จะมีอะไรประมาณนี้ครับผม ก็เฮฮา เป็นกองที่สนุกครับ อยู่แล้วแฮปปี้
Q : ไหน ๆ ก็เม้าท์แล้วเราเปิดโอกาสให้ภีมเมาท์ “อุ้ม อิษยา” ให้ฟังหน่อย
A : ครับตั้งแต่ทำงานมานะครับผม ไม่เคยเจอคนไหนนะครับผมที่ขี้เซาเหมือน อุ้ม เลยฮะ (หัวเราะ) นอนได้ตลอดเวลาจริง ๆ แล้วก็ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นครับผม (หัวเราะ) ไม่ว่าจะใช้แรงกี่คนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น หนุ่ม สาว เด็ก ชายฉกรรจ์ หรือคนชรา นะครับ รวมกระทั่งต่อให้จะเป็น อาหารที่อุ้มโปรดปรานมาวางอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถเรียกอุ้มขึ้นมาได้ถ้าอุ้ม จะนอน (หัวเราะ) คือถ้านางนอนอยู่นางก็จะนอน นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอนมาก่อน แต่กินก็สำคัญ รองลงมาไรอย่างงี้ แต่เค้าเป็นคนดีน่ารักครับ
Q : พูดถึงผู้กำกับภาพยนตร์ “ไพรัช คุ้มวัน”
A : ต้องบอกว่าพี่ป้องน่ารักมากครับ แกเป็นคนที่มีมุมมองที่ค่อนข้างชัดเจน แล้วก็แตกต่าง แล้วก็ผมรู้สึกว่าพี่ป้องเป็นผู้กำกับที่คุยด้วยง่ายมาก แล้วก็แกยังวัยรุ่นอยู่ คุยอะไรก็เข้าใจกันง่าย ทำงานกับพี่ป้องรู้สึกสบายใจมากครับ โดยส่วนตัว ยอมรับว่าเป็นหนังเรื่องแรก ๆ ก็รู้สึกกดดัน ก็รู้สึกว่าตื่นเต้น แต่พอได้คุยกับพี่ป้อง ได้รับคำแนะนำจากพี่ป้อง ได้เห็นพี่ป้องชม เออ ตรงนี้ดี ต้องยังงี้ ๆ นะ เราทำออกมาได้ดี ก็แฮปปี้ครับผม อ้อ…สนุกมากครับ แล้วก็เป็นปรากฏการณ์ที่ดีมากที่ได้ทำงานกับพี่ป้องครับ
Q : นอกจากรับบทเป็นวัยรุ่น 1 ใน 10 เด็กสยามแล้ว เห็นว่ายังต้องมีเข้าฉากกลางคืนและต้องมีเวิร์กช้อปขึ้นสลิงด้วย
A : ครับก่อนเปิดกล้องถ่ายทำเราก็มีการเวิร์กช้อป ฟิตติ้ง เพื่อละลายพฤติกรรม สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยและทำความรู้จักกับตัวละคร แล้วก็ที่พิเศษขึ้นมาอีกก็คือการฝึกซ้อมการขึ้นลงสลิง มีฉากที่ต้องถ่ายทำโดยใช้สลิงต่าง ๆ ครับ เป็นฉากที่เหมือนกับโดนดึงนั่นดึงนี่ เจอแบบว่าอลัง เอาเป็นว่าต้องไปดูเอา มันส์มาก ๆ ครับ แล้วยิ่งสยามสแควร์ที่เราจะได้ชมกันเป็นการเปิดเผยมุมมองใหม่ ๆนะครับ มุมมองของสยามที่ไม่มีใครได้พบได้เห็นมาก่อนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองสยามยามค่ำคืน ยามดึก ๆ ซึ่งตัวผมเนี่ยบอกได้เลยว่าผมโปรแล้วฮะ สัมผัสมาด้วยตัวเองครับผม จนได้ฉายามาครับผมสำหรับกองนี้ฮะ ชื่อของผมก็คือราชันย์แห่งราตรีนะครับ เพราะว่าถ่ายยันเช้าตลอดเลย แล้วก็จริง ๆ มันก็เข้ากับบรรยากาศนะครับ ตอนอยู่สยามตอนกลางคืน ก็หวิว ๆ เหมือนกันนะ แต่ก็อยากให้ทุกคนมาสัมผัสกับมุมมองกับด้านใหม่ ๆ ของสยามสแควร์ด้วยนะครับ ซึ่งผมมั่นใจเลยว่าไม่มีใครเคยอาบน้ำตอนตีสอง ตรงกลางถนนยามค่ำคืนในสยามแน่นอน ไม่มีใครเคยนอนกลางถนน นอนแผ่ตรงกลางถนนในสยามตอนตีสองเหมือนผมแน่นอน ผมมั่นใจ ก็จะเป็นเพราะอะไร หรือยังไงก็คงต่องไปลุ้นกันเอาเองนะครับผม ก็มันส์แน่นอน สนุกแน่นอน ตื่นเต้นแน่นอน
Q : มีฉากไหนที่ประทับใจ หรือยากและท้าทายสำหรับเราบ้าง
A : เอาเป็นว่าฉากที่ทำให้ผมเครียดที่สุดของเรื่องก็คงเป็นตอนท้าย ๆ ของเรื่อง คือมันเหมือนว่าต้องคลี่คลายจุดจบ แล้วมีความยากในด้านอารมณ์ด้วย เพราะมันมีหลายอารมณ์ซับซ้อนกัน ก็ให้ไปดูกันเอาเอง แต่ว่าก็เป็นซีนที่ทำให้หนักใจอยู่เหมือนกัน แต่ว่าก็ผ่านมาได้ครับผม ส่วนที่ประทับใจก็คือ ประทับใจในความระทึกครับ ประทับใจความสด ความใหม่ ผมรู้สึกว่าสยามสแควร์เป็นหนังสไตล์วัยรุ่นที่ไม่เหมือนหนังวัยรุ่นทั่วไปในเรื่องที่เราเห็นกันนะครับ และก็เป็นการรวมตัวของวัยรุ่น 10 กว่าคนที่ Energy เยอะมาก ๆ แล้วรู้สึกว่า เออ พอ 10 คนนี้มาอยู่รวมกันแล้วมันมีอะไรที่รู้สึกแตกต่าง มีอะไรที่มันใหม่ มีอะไรที่มัน Fresh มีอะไรที่มันน่าตื่นเต้นครับผม ซึ่งผมก็รอไม่ไหวแล้วที่จะให้ทุกคนดูและก็ทุกคนได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ครับก็ฝากด้วยนะครับสำหรับหนังเรื่องสยามสแควร์ครับผม 30 มีนาคมนี้นะฮะ ทุกโรงภาพยนตร์ครับ ระทึกขวัญ มันส์ และประทับใจกับมิตรภาพของเพื่อนแน่นอนยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับสำหรับสยามสแควร์นะครับเร็ว ๆ นี้ทุกโรงภาพยนตร์แน่นอนรับรองว่าไม่ใช่หนังวัยรุ่นธรรมดา
The post คุยกับ “ภีม ธนบดี” ลูกครึ่งหนุ่มสุดหล่อกับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก “สยามสแควร์” appeared first on MThai Movie.